31 กรกฎาคม, 2564

ประวัติประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ประวัติประเทศสวิสเซอร์แลนด์



ประวัติและความเป็นมาของประเทศ

สวิตเซอร์แลนด์ประเทศที่พรั่งพร้อมไปด้วยภูมิประเทศอันสวยงาม ยอดเขาสูงและทะเลสาบ จนนักท่องเที่ยวหลายๆคน ใฝ่ฝันที่จะไปเยือนดินแดนแห่งนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่ถ้าจะให้เข้าถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างถ่องแท้แล้ว คงต้องเริ่มตั้งแต่การถือกำเนิดเกิดมาประเทศสวิตเซอร์แลนด์กันเลย ซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า บริเวณที่เป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์นี้เคยเป็นที่อยู่ของชนเผ่ากลุ่มเร่ร่อนมาตั้งแต่สมัย 10000 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่ยุคโรมัน ชนเผ่าชาวโรมันก็ย้ายเข้ามาตั้งรกรากอยู่ และเมื่ออาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เจริญอำนาจขึ้นมา ผินดินที่เป็นสวิตเซอร์แลนด์ในปัจจุบันก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักนี้ ต่อมาก็ได้มีการรวบรวมแคว้นต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อต่อต้านความกดดันจากราชวงศ์ฮับส์บวร์กส์ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น จนกระทั่งได้เริ่มมีการก่อร่างสร้างตัวเป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1291 หลังจากนั้นก็ยังมีสงครามระหว่างชนเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์หลายครั้ง จนกระทั่งได้กลายมาเป็นประเทศที่ถือได้ว่าเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะไม่ได้มีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีอำนาจมากมายเป็นที่รู้จักในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกอย่างกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศสหรือประเทศเยอรมัน แต่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาไม่น้อยเหมือนกัน ก่อนที่จะไปท่องเที่ยวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เราลองมาทำความรู้จักกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์กันซักหน่อยว่า ตั้งแต่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์จวบจนกระทั่งมาเป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์เข้าสู่ยุคศตวรรษที่ 21 มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในผืนแผ่นดินแห่งนี้




ยุคก่อนประวัติศาสตร์

เมื่อ 10000 ปีก่อนคริตสกาล พวกกลุ่มนักล่าสัตว์และกลุ่มคนเร่ร่อนได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่อาศัยในเขตทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ (Alp) ซึ่งในปัจจุบันก็คือพื้นที่บริเวณ Graubünden ใจกลางประเทศสวิสเซอร์แลนด์เป็นครั้งแรก ต่อมาก็ได้มีการขยายอาณาเขตออกไปเรื่อยๆ ตามพื้นที่บริเวณลุ่มทะเลสาบต่างๆ จนกระมั่งเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาลชนเผ่าเซลท์ (Celt คือกลุ่มชนชาติที่พูดภาษาเซลติก) ได้เริ่มย้ายถิ่นฐานจากทางเยอรมันตอนใต้ เข้าไปสู่พื้นที่ลุ่มทะเลสาบในตอนกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มมากขึ้น โดยทางด้านตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์เป็นที่อยู่อาศัยของพวก Raetia ส่วนทางด้านตะวันตกถูกครอบครองโดยชาว Helvetii นอกจากนั้นก็ยังมีชนเผ่าอื่นๆ ที่กระจัดกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์อีกเป็นจำนวนมาก คือ ชนเผ่า Lepontier ทางแคว้น Tessin ชนเผ่า Seduner ในเขต Wallis และทะเลสาบเจนีวา

ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในประมาณ 58 ปีก่อนคริสตกาล ชนเผ่าโรมันภายใต้การนำของ จูเลีส ซีซาร์ (Julius Caesar) ได้เข้าโจมตีและยึดดินแดนของชนเผ่า Helvetii และดินแดนส่วนอื่นๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ช่วงนี้เองที่ได้เริ่มที่การก่อสร้างถนนหนทางและระบบผังเมืองขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นเป็นครั้งแรก เช่น ในบริเวณเมือง Basel, Chur, Geneve, Zurich ในปัจจุบัน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง Avenches

ในช่วงปลายของยุคสมัยโรมัน ประมาณปีคริตศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ศาสนาคริสต์ได้เผยแผ่เข้ามาในเขตประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ได้มีการตั้งตำแหน่ง Bishop ขึ้นตามเมืองต่างๆ และเชื่อกันว่าอาณาจักรโรมันก็ล่มสลายลงในช่วงนี้เอง

หลังจากที่อาณาจักรโรมันค่อยๆเริ่มเสื่อมลง พวกชาวเยอรมันเผ่าต่างๆ ก็อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเข้ามาในเขตนี้แทน โดยชนเผ่า Burgundian เข้ามายึดครองบริเวณทางแถบ Jura ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ บริเวณแม่น้ำ Rhðne และทะเลสาบเจนีวา ส่วนพวก Alamannic ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำไรน์ (Rhein) ส่วนการเผยแผ่ศาสนาก็ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ โดยพระนักสอนศาสนาเข้ามามีบทบาทสำคัญในเขตเมืองต่างๆ รวมทั้งยังมีการสร้างวัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมือง St. Gallen และ Zurich

เมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire ซึ่งอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรของจักรรรดิชาร์ลมาญแห่งเยอรมันหรือเรียกว่าเป็นอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์แห่งชนชาติเยอรมัน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรโรมันในสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์แต่อย่างใด) ก็ได้มีการนำระบบกฏหมายต่างๆ เข้ามาใช้ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีการร่างสนธิสัญญา Verdun ขึ้นในปี ค.ศ. 834 โดยพื้นที่บริเวณตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์ (Burgundain) ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ Lothair ที่ 1 และทางด้านตะวันออก (Alamannic) อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ Louis the German

ในศตวรรษที่ 10 เมื่อระบบการปกครองแบบใช้กฏหมายเสื่อมลง พวกชนเผ่าแมกยาร์ (Magyar) ก็เข้ามาทำลายเมืองใหญ่ต่างๆ ของเผ่า Burgundian และ Alamannic แต่ต่อมาเมื่อกษัตริย์ Otto ที่ 1 ทำสงครามชนะพวกชนเผ่าแมกยาร์ในปี ค.ศ. 955 ก็มีการรวมพื้นที่บริเวณของ 2 ชนเผ่าเข้าด้วยกันเป็นส่วนหนึ่งของ Holy Roman Empire อีกครั้ง และยังได้มีการรวบรวมแคว้นต่างๆเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรนี้ถูกปกครองโดยราชวงศ์ฮับสบวร์ก (Habsburg dynasty) ไปจนกระทั่งกษัตริย์ Rudolph ที่ 1 แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์กสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1291



ยุคของอดีตสมารัฐสวิส (Old Swiss Confederation)

ช่วงที่ถือได้ว่าเป็นช่วงของการก่อตั้งประเทศสวิตเซอร์แลด์หรือประเทศสมาพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1291 เมื่อมณฑล 3 มณฑลในเขตเทือกเขาแอลป์ คือ Uri, Schwyz และ Unterwalden ได้รวมตัวกันขึ้นเป็นอดีตสมาพันธรัฐสวิส (Old Swiss Conferderation หรือที่เรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า Alte Eidgenossenschaft) ซึ่งการรวมกลุ่มนี้ไม่ได้เพื่อต้องการแยกออกเป็นประเทศ แต่เพียงเพื่อต้องการจะต่อต้านอำนาจของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก ซึ่งการรวมกลุ่มครั้งนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากราชวงศ์ฮับส์บวร์กและมีการทำสงครามกันเรื่อยมา ในปี1315 กลุ่มของชาวบ้านที่เป็นทหารของสวิสในสมัยนั้นก็ทำสงครามชนะทหารของราชวงศ์ฮับส์บวร์กในสงคราม Morgaten หลังจากนั้นเมือง Zürich, Lucerne, Glarus, Zug และ Bern ก็ได้เข้าร่วมเป็นอดีตสมาพันธรัฐสวิส และได้มีการเรัยกชื่อกลุ่มการรวมตัวของมณฑล 8 มณฑลนี้ว่า Schwyz ภายหลังจากการรวมตัวนี้แล้ว ก็ยังคงมีการรวมตัวของมณฑลต่างๆ อยู่เรื่อยๆ จนเมื่อสิ้นสุดปี ค.ศ. 1513 ก็มีมณฑลเข้าร่วมทั้งหมด 13 มณฑล

ภายหลังจากที่มีการรวมตัวกันในปี 1513 แล้ว ก็ยังคงมีการทำสงครามกันภายในพื้นที่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปุจจับันอยู่เรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นสงครมทางศาสนา แต่สงครามที่ยาวนานที่สุด คือ สงคราม 30 ปี (Thirty Years´War ค.ศ. 1618-1648) ซึ่งในช่วงแรกของสงครามนี้เป็นสงครามระหว่างศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิกกับโปรแตสแตนท์ แต่ต่อมาสงครามได้ขยายวงกว้างไปเป็นสงครามการขยายอำนาจภายในทวีปยุโรป สงคราม 30 ปีสิ้นสุดลงเมื่อมีการประกาศสันติภาพ Peace of Westphalia และสืบเนื่องมาจาก Peace of Westphalia นี้เอง ประเทศสมาพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ประกาศแยกตัวออกจากอาณาจักริ์โรมันอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1648

ในยุคที่ราชวงศ์ของฝรั่งเศสเริ่มเข้ามามีบทบาทในประวัติศาสตร์ยุโรป กองทัพของนโปเลียน (Napolean Bonaparte) ก็เข้าครอบครองสวิตเซอร์แลนด์และสถาปนาเป็น Helvetic Republic ในปี ค.ศ. 1798 ทำให้ดินแดนของสวิตเซอร์แลนด์ถูกรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส

ต่อมาในปี 1803 ภายใต้การปกครองของนโปเลียนได้มีการรวบรวมมณฑลต่างๆ ในสมาพันธรัฐสวิสอีกครั้งนอกจากนั้นยังได้สถาปนาเขต 6 เขต คือ ขึ้นเป็นมณฑลใหม่ ในปี 1815 ได้มีการสถาปนาสมาพันธรัฐสวิสขึ้นมาใหม่ ที่คองเกรสแห่งเวียนนา (Congress of Vienna) ขึ้น โดยมีการเพิ่มจำนวนมณฑลเข้าไปอีก 3 มณฑล ในคองเกรสนี้เองได้มีการลงนามให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่เป็นกลางทางการเมือง คือเป็นการประกาศว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะเป็นเส้นแบ่งเขตแดนไม่ให้มีการทำสงครามกันระหว่างฝรั่งเศส เยอรมัน และออสเตรีย และได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในปี 1848 (Fereral Constitution) ซึ่งในรัฐธรรมนูญระบุให้เมือง Bern เป็นเมืองหลวงของสมาพันธรัฐ โดยมีภาษาที่ใช้เป็นภาษาราชการ 3 ภาษา คือ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอิตาลี



ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้วางตัวเป็นกลางทางด้านการทหาร บทบาทสำคัญเพียงอย่างเดียวของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็คือการส่งสภากาชาดเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อสงครามโลกผ่านพ้นไป กลิ่นอายแห่งสงครามกลับทำให้เศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ตกต่ำลง และเริ่มฟื้นฟูขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1930 ยุคนี้ยังเป็นยุคแห่งการถือกำเนิดของศิลปินชื่อดังอีกด้วย

ถึงแม้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะวางตัวเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่สวิตเซอร์แลนด์กลับมีบทบาทสำคัญในทางด้านเศรษฐกิจ คือธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้กลายเป็นสถานที่เพื่อใช้แลกเปลี่ยนเงินผิดกฏหมายของพวกเหล่านาซี



ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง มีการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศหลายประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาติแต่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเปรียบเสมือนประเทศเจ้าบ้านกลับไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสมัยแรก โดยองค์การสากลแห่งแรกที่สวิสเข้าร่วมเป็นสมาชิกภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 องค์การ UNESCO ซึ่งเข้าร่วมในปี 1948 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ. 2002 ต่อมาในปี 2005 ประชาชนชาวสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำการลงประชามติเพื่อให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เข้าร่วมเป็นประเทศในสนธิสัญญา เชงเก้น (Schengen Treaty)
Hint: ตามข้อกำหนดในสนธิสัญญาเชงเก้น หรือ Schengen Treaty นักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าแบบมัลติเพิลของประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม Schengen สามารถเดินทางเข้าออกประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม Schengen ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าของประเทศนั้นๆ ปัจจุบันประเทศในกลุ่ม Schengen มีทั้งหมด 15 ประเทศ คือ ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ไอซ์แลนด์, อิตาลี, กรีซ, ลักเซมเบริ์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, โปรตุเกส, สเปน และ สวีเดน

 The Animated History of Switzerland

CR :: https://youtu.be/snFjkU85EqI
.
#switzerland #history #ประวัติประเทศสวิสเซอร์แลนด์
#ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ #สวิตเซอร์แลนด์
#วันชาติประเทศสวิสเซอร์แลนด์


ทุกๆ วันที่ 1 สิงหาคมของทุกปี ถือเป็นวันชาติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และในปี 2021จะเป็นปีครบรอบ 730 ปี ของ SWITZERLAND มีการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติสวิตเซอร์แลนด์อย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งประเทศมีการจัดงานเลี้ยง จุดพลุ และก่อกองไฟเฉลิมฉลองวันชาติที่เป็นกิจกรรมทำกันทุกปี
.
The first day of August each year is the National Day of Switzerland and in 2021 it will be the 730th anniversary of Switzerland. There will be grand celebration for this National Switzerland Day all over the country with gala banquet, fireworks and bonfires to commemorate the National Day as the activities practiced every year.
#เพลงชาติสวิสเซอร์แลนด์ #SchweizerPsalm #Switzerland #SwitzerlandNationalDay #1สิงหาคมวันชาติสวิตเซอร์แลนด์
#AllesGuteZumGeburtstag #วันชาติประเทศสวิสเซอร์แลนด์
#ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ #สวิตเซอร์แลนด์ #BeautifulSwitzerland

15 พฤษภาคม, 2564

8 เมืองในฝัน ที่สวิตเซอร์แลนด์ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปสัมผัส

 

8 เมืองในฝัน ที่สวิตเซอร์แลนด์ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปสัมผัส

สวิตเซอร์แลนด์ Switzerland เป็นประเทศที่หลายๆ คนฝันอยากจะไปท่องเที่ยว สัมผัสกับความงดงามด้วยตาของตัวเองสักครั้ง หากกำลังวางแผนจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนแล้วล่ะก็ วันนี้เราขอแนะนำ 8 เมืองในสวิส ที่ไม่ควรพลาดมาฝากกัน !

 

เมืองไหนสวย เที่ยวไหนดี ในสวิตเซอร์แลนด์

 

เมืองไหนสวย เที่ยวไหนดี ในสวิตเซอร์แลนด์?

1. Lauterbrunnen เลาเทอร์บรุนเนิน

 

Lauterbrunnen เลาเทอร์บรุนเนิน สวิตเซอร์แลนด์

Lauterbrunnen เลาเทอร์บรุนเนิน สวิตเซอร์แลนด์

 

     หมู่บ้านในรัฐเบิร์นของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อเลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) แปลว่า Many Fountains ซึ่งเป็นการบ่งบอกให้เห็นถึงทิวทัศน์ของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะมีน้ำตกเยอะถึง 72 แห่งในหุบเขา และยังมีน้ำตกที่สูงที่สุดในยุโรปด้วย นั้นคือน้ำตก Staubbach ที่ดิ่งลงมาจากหน้าผาเกือบ 300 เมตร เลยทีเดียว

 

Lauterbrunnen สวิตเซอร์แลนด์

 


Lauterbrunnen เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบตั้งอยู่กลางหุบเขาสูงชัน อยู่ลึกเข้ามาจากเมืองอินเทอร์ลาเคินราว 12 กิโลเมตร ที่นี้ยังเป็นทางผ่านไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในแถบเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่ต้องมา!


 

2. Fribourg ฟรีบูรก์

 

Fribourg ฟรีบูรก์ สวิตเซอร์แลนด์

Fribourg ฟรีบูรก์ สวิตเซอร์แลนด์

 

     ฟรีบูรก์ (Fribourg) เมืองเล็กๆ ที่เก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ระหว่างทางไปเมืองโลซาน เป็นเมืองแห่งปราสาท สามารถแวะถ่ายรูปได้หลายจุด ไฮไลท์ของเมืองนี้คือ Zaehringen Bridge เป็นสะพานเก่าแก่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำซารีน

 

Fribourg ฟรีบูรก์ สวิตเซอร์แลนด์

 

     ฟรีบูรก์ เมืองที่ถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำซารีน โดย 2 ฝั่งแม่น้ำจะพูดกันคนละภาษา คือ สวิส-ฝรั่งเศส และสวิส-เยอรมัน หมู่บ้านนี้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นยุคกลาง ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีเสน่ห์ และมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามอีกด้วย


 

3. Zermatt เซอร์แมท

 

Zermatt เซอร์แมท สวิตเซอร์แลนด์

Zermatt เซอร์แมท สวิตเซอร์แลนด์


     เซอร์แมท (Zermatt) เป็นเมืองเล็กน่ารักมีขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถเดินเที่ยว และเดินถ่ายรูปชิคๆ ได้แบบไม่เหนื่อย ถนนสายหลักอย่าง Bahnhof strasse ซึ่งแปลได้ว่า ถนนแถวสถานีรถไฟ ตั้งชื่อตรงตัว เพราะเป็นถนนที่ทอดตรงมาจากสถานีรถไฟของเมืองนั่นเอง

 

weniliou/www.shutterstock.com

 

     บ้านเรือนที่นี่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นชาวสวิสแบบดั้งเดิมไว้ด้วย ที่สำคัญถ้าเอ่ยถึงเมืองนี้ก็ต้องนึกถึงจุดชมวิว Matterhorn ยอดเขารูปทรงพีรามิดที่อยู่ในหมู่เทือกเขาแอลป์ ซึ่งที่นี่จะทำให้เราสนุกไปกับการเล่นสกีหิมะ รับรองฟินแน่นอน


4. Interlaken อินเตอร์ลาเคน

 

Interlaken อินเตอร์ลาเคน สวิตเซอร์แลนด์

Interlaken อินเตอร์ลาเคน สวิตเซอร์แลนด์

 

     อินเตอร์ลาเคน (Interlaken) อยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ และทะเลสาบทูน เมืองนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า และทะเลสาบ อีกทั้งยังเป็นทางขึ้นยอดเขาธารน้ำแข็งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตของคนที่รักการเล่นสกี

 

Boris-B / Shutterstock.com

 

     นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นยอดเขา 3แห่ง คือ ยอดเขาจุงฟราวน์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 4,158 เมตร ยอดเขามอนซ์ และยอดเขาอีเกอร์ แถบนี้จึงมีอากาศบริสุทธิ์ และสวยงามเกินคำบรรยาย ไม่แปลกที่จะเรียกว่า “สวยเหมือนเมืองในฝัน” ยังไงยังงั้นเลย


 

5. Lausanne โลซานน์

 

Lausanne โลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์

Lausanne โลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์

 

     โลซานน์ (Lausanne) อีกหนึ่งเมืองเล็กน่ารักริมทะเลสาบใน สวิตเซอร์แลนด์ ที่คนไทยน่าจะคุ้นหูกับชื่อของเมืองนี้เป็นอย่างดี ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ยังใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก

 

Gayane / Shutterstock.com

 

     โลซานน์ยังเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิคสากล หรือ IOC และมีพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาด้วย จึงทำให้เมืองโลซานน์ได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งโอลิมปิค” ด้วยนะ

 


6. Bern เบิร์น

 

Bern เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์

Bern เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์

 

     เบิร์น (Bern) เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ หรือเมืองหมีนั่นเอง (คำว่า Bern แปลว่า Bear หรือหมีนั่นเอง) ซึ่งเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่งดงาม น่าหลงใหลที่สุดของสวิสเลยก็ว่าได้

 

Bern เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์

 

     เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองหลวง จึงมีความเจริญตามสไตล์ศุนย์กลางประเทศ และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้กรุงเบิร์นขึ้นชื่อจริงๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเขต Old Town หรือเขตเมืองโบราณยุคกลางที่สวยงาม และสมบูรณ์ เป็นสถานที่ที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์น่าค้นหา ฟินไปกับการเดินชมวิวเมืองเพลินๆ จนลืมเหนื่อยกันเลยที่เดียว


7. Lucerne ลูเซิร์น

 

Lucerne ลูเซิร์น

Lucerne ลูเซิร์น

 

     ลูเซิร์น (Lucerne) อีกหนึ่งหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความเจริญมาก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เพราะการติดต่อค้าขายกับอิตาลี ตัวเมือง Lucerne นั้นเคยถูกนำไปขายให้กับราชสำนักฮับสบูรก์ของออสเตรียในปี ค.ศ. 1291 ด้วย แต่ได้กลับคืนมาอยู่ในมณฑลเดิมในปี ค.ศ. 1332

 

Lucerne ลูเซิร์น

 

     Lucerne นั้นมีที่เที่ยวเก่าแก่โบราณอยู่มากมาย แต่ที่โด่งดังมากที่สุดเห็นจะเป็น สะพานไม้ซาเปล สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุเกือบ 700 ปี ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์จากสถานีรถไฟไปสู่ฝั่งเมืองเก่า มีหลังคาที่มุงแบบโบราณ เชื่อมต่อไปถึงป้อมแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่กลางน้ำ ที่แต่ก่อนเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมือง อีกสถานที่สำคัญก็คือ ทะเลสาบ Lucerne ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ด้วย รอบๆ ทะเลสาบนั้นก็มีเส้นทางการเดินป่ามากมาย รวมทั้งเส้นทางขี่จักรยานพื้นราบ และเส้นทางจักรยานภูเขาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัยด้วย


 

8. Thun ธูน 

 

Thun ธูน สวิตเซอร์แลนด์

 

    ธูน (Thun) เรียกได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเลสาบโดยแท้จริง ใครใฝ่ฝันอยากเดินเที่ยวเมืองเงียบๆ สงบๆ ที่ยังมีปราสาทสูงตั้งอยู่กลางเมืองจะหลงรักที่นี่ ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กเลยทำให้หลายๆ คนตั้งเป้าว่าเที่ยวที่นี่แบบ One Day Trip เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมาพักสักคืนสองคืนได้จะฟินมาก ใช้ชีวิตสบาย ๆ เดินเล่นริมทะเลสาบน้ำใส อากาศดี หลายๆ คนเรียกที่นี่ว่าเป็นเมือง Lucerne แบบย่อส่วน ทั้งที่ความจริงแล้วเมืองนี้ก็มีเสน่ห์ที่ต่างออกไป ไม่แพ้กันเลย

 

Thun ธูน สวิตเซอร์แลนด์

 

     เดินทางออกจากเมืองไม่นาน จะมีอีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญของที่นี่ นั่นคือปราสาทสวยสุดโรแมนติกริมทะเลสาบ Thun ชื่อว่า Oberhofen castle เป็นปราสาทเก่ารูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอโกธิคที่ได้รับการยกให้เป็นหนึ่งในปราสาทที่คลาสสิกที่สุดในแถบเทือกเขาแอลป์


 

 Lauterbrunnen เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบตั้งอยู่กลางหุบเขาสูงชัน อยู่ลึกเข้ามาจากเมืองอินเทอร์ลาเคินราว 12 กิโลเมตร ที่นี้ยังเป็นทางผ่านไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในแถบเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่ต้องมา!


 

2. Fribourg ฟรีบูรก์

 

Fribourg ฟรีบูรก์ สวิตเซอร์แลนด์

Fribourg ฟรีบูรก์ สวิตเซอร์แลนด์

 

     ฟรีบูรก์ (Fribourg) เมืองเล็กๆ ที่เก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ระหว่างทางไปเมืองโลซาน เป็นเมืองแห่งปราสาท สามารถแวะถ่ายรูปได้หลายจุด ไฮไลท์ของเมืองนี้คือ Zaehringen Bridge เป็นสะพานเก่าแก่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำซารีน


Fribourg ฟรีบูรก์ สวิตเซอร์แลนด์

 

     ฟรีบูรก์ เมืองที่ถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำซารีน โดย 2 ฝั่งแม่น้ำจะพูดกันคนละภาษา คือ สวิส-ฝรั่งเศส และสวิส-เยอรมัน หมู่บ้านนี้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นยุคกลาง ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีเสน่ห์ และมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามอีกด้วย


 

3. Zermatt เซอร์แมท

 

Zermatt เซอร์แมท สวิตเซอร์แลนด์

Zermatt เซอร์แมท สวิตเซอร์แลนด์


     เซอร์แมท (Zermatt) เป็นเมืองเล็กน่ารักมีขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถเดินเที่ยว และเดินถ่ายรูปชิคๆ ได้แบบไม่เหนื่อย ถนนสายหลักอย่าง Bahnhof strasse ซึ่งแปลได้ว่า ถนนแถวสถานีรถไฟ ตั้งชื่อตรงตัว เพราะเป็นถนนที่ทอดตรงมาจากสถานีรถไฟของเมืองนั่นเอง

 

weniliou/www.shutterstock.com

 

     บ้านเรือนที่นี่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นชาวสวิสแบบดั้งเดิมไว้ด้วย ที่สำคัญถ้าเอ่ยถึงเมืองนี้ก็ต้องนึกถึงจุดชมวิว Matterhorn ยอดเขารูปทรงพีรามิดที่อยู่ในหมู่เทือกเขาแอลป์ ซึ่งที่นี่จะทำให้เราสนุกไปกับการเล่นสกีหิมะ รับรองฟินแน่นอน


4. Interlaken อินเตอร์ลาเคน

 

Interlaken อินเตอร์ลาเคน สวิตเซอร์แลนด์

Interlaken อินเตอร์ลาเคน สวิตเซอร์แลนด์

 

     อินเตอร์ลาเคน (Interlaken) อยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ และทะเลสาบทูน เมืองนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า และทะเลสาบ อีกทั้งยังเป็นทางขึ้นยอดเขาธารน้ำแข็งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตของคนที่รักการเล่นสกี

 

Boris-B / Shutterstock.com

 

     นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นยอดเขา 3แห่ง คือ ยอดเขาจุงฟราวน์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 4,158 เมตร ยอดเขามอนซ์ และยอดเขาอีเกอร์ แถบนี้จึงมีอากาศบริสุทธิ์ และสวยงามเกินคำบรรยาย ไม่แปลกที่จะเรียกว่า “สวยเหมือนเมืองในฝัน” ยังไงยังงั้นเลย


 

5. Lausanne โลซานน์

 

Lausanne โลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์

Lausanne โลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์

 

     โลซานน์ (Lausanne) อีกหนึ่งเมืองเล็กน่ารักริมทะเลสาบใน สวิตเซอร์แลนด์ ที่คนไทยน่าจะคุ้นหูกับชื่อของเมืองนี้เป็นอย่างดี ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ยังใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก

 

Gayane / Shutterstock.com

 

     โลซานน์ยังเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิคสากล หรือ IOC และมีพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาด้วย จึงทำให้เมืองโลซานน์ได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งโอลิมปิค” ด้วยนะ

 

6. Bern เบิร์น

 

Bern เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์

Bern เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์

 

     เบิร์น (Bern) เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ หรือเมืองหมีนั่นเอง (คำว่า Bern แปลว่า Bear หรือหมีนั่นเอง) ซึ่งเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่งดงาม น่าหลงใหลที่สุดของสวิสเลยก็ว่าได้

 

Bern เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์

 

     เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองหลวง จึงมีความเจริญตามสไตล์ศุนย์กลางประเทศ และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้กรุงเบิร์นขึ้นชื่อจริงๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเขต Old Town หรือเขตเมืองโบราณยุคกลางที่สวยงาม และสมบูรณ์ เป็นสถานที่ที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์น่าค้นหา ฟินไปกับการเดินชมวิวเมืองเพลินๆ จนลืมเหนื่อยกันเลยที่เดียว



7. Lucerne ลูเซิร์น

 

Lucerne ลูเซิร์น

Lucerne ลูเซิร์น

 

     ลูเซิร์น (Lucerne) อีกหนึ่งหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความเจริญมาก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เพราะการติดต่อค้าขายกับอิตาลี ตัวเมือง Lucerne นั้นเคยถูกนำไปขายให้กับราชสำนักฮับสบูรก์ของออสเตรียในปี ค.ศ. 1291 ด้วย แต่ได้กลับคืนมาอยู่ในมณฑลเดิมในปี ค.ศ. 1332

 

Lucerne ลูเซิร์น

 

     Lucerne นั้นมีที่เที่ยวเก่าแก่โบราณอยู่มากมาย แต่ที่โด่งดังมากที่สุดเห็นจะเป็น สะพานไม้ซาเปล สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุเกือบ 700 ปี ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์จากสถานีรถไฟไปสู่ฝั่งเมืองเก่า มีหลังคาที่มุงแบบโบราณ เชื่อมต่อไปถึงป้อมแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่กลางน้ำ ที่แต่ก่อนเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมือง อีกสถานที่สำคัญก็คือ ทะเลสาบ Lucerne ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ด้วย รอบๆ ทะเลสาบนั้นก็มีเส้นทางการเดินป่ามากมาย รวมทั้งเส้นทางขี่จักรยานพื้นราบ และเส้นทางจักรยานภูเขาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัยด้วย


 

8. Thun ธูน 

 

Thun ธูน สวิตเซอร์แลนด์

 

    ธูน (Thun) เรียกได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเลสาบโดยแท้จริง ใครใฝ่ฝันอยากเดินเที่ยวเมืองเงียบๆ สงบๆ ที่ยังมีปราสาทสูงตั้งอยู่กลางเมืองจะหลงรักที่นี่ ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กเลยทำให้หลายๆ คนตั้งเป้าว่าเที่ยวที่นี่แบบ One Day Trip เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมาพักสักคืนสองคืนได้จะฟินมาก ใช้ชีวิตสบาย ๆ เดินเล่นริมทะเลสาบน้ำใส อากาศดี หลายๆ คนเรียกที่นี่ว่าเป็นเมือง Lucerne แบบย่อส่วน ทั้งที่ความจริงแล้วเมืองนี้ก็มีเสน่ห์ที่ต่างออกไป ไม่แพ้กันเลย

 

Thun ธูน สวิตเซอร์แลนด์

 

     เดินทางออกจากเมืองไม่นาน จะมีอีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญของที่นี่ นั่นคือปราสาทสวยสุดโรแมนติกริมทะเลสาบ Thun ชื่อว่า Oberhofen castle เป็นปราสาทเก่ารูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอโกธิคที่ได้รับการยกให้เป็นหนึ่งในปราสาทที่คลาสสิกที่สุดในแถบเทือกเขาแอลป์


CR  ::   https://travel.trueid.net/detail/QN1GJDLOEVv

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

 

SWIFT CODE ธนาคารต่างๆในประเทศไทย

 SWIFT CODE ธนาคารต่างๆในประเทศไทย



ธนาคารกรุงเทพ
Account № / IBAN: Bangkok Bank Public Company Limited (BBL)
Bank Address: 333 Silom Road Bangrak, Bangkok 10500 Tel: 2231-4333 Fax: 2236-8281-2

SWIFT : BKKBTHBK (
www.bangkokbank.com)

ธนาคารไทยธนาคาร
Account № / IBAN: BankThai Public Company Limited
Bank Address: 44 North Sathorn Rd Silom, Bangrak, Bangkok 10500 Tel: 2638-8000 Fax: 2633-9044

SWIFT : UBOBTHBK (formerly The Union Bank of Bangkok licence) (
www.bankthai.co.th)

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
Account № / IBAN: Bank of Ayudhya Public Company Limited (BAY)
Bank Address: 222 Rama 3 Road, Bang Phongphang Yannawa, Bangkok 10120 Tel: 2296-2001 , 2683-1000 Fax: 2683-1304

SWIFT : AYUDTHBK (
www.krungsri.com)

ธนาคารกสิกรไทย
Account № / IBAN: KASIKORNBANK Public Company Limited (KBANK)
Bank Address: 1 Soi Kasikornthai Ratburana Rd, Bangkok 10140 Tel: (66 2) 222-0000 Fax: (66 2) 470- 2749

SWIFT : KASITHBK (
www.kasikornbank.com)

ธนาคารกรุงไทย
Account № / IBAN: Krung Thai Bank Public Company Limited (KTB)
Bank Address: 35 Sukhumvit Road, Klong Toey Nua Wattana, Bangkok 10110 Tel: 2255-2222 Fax: 2255-9391-6

SWIFT : KRTHTHBK (
www.ktb.co.th)

ธนาคารนครหลวงไทย
Account № / IBAN: Siam City Bank Public Company Limited (SCIB)
Bank Address: 1101 New Petchburi Road Makkasan, Rajthewi, Bangkok 10400 Tel: 2253-0200

SWIFT : SITYTHBK (
www.scib.co.th)

ธนาคารไทยพาณิชย์
Account № / IBAN: Siam Commercial Bank Public Company Limited (SCB)
Bank Address: 9 Ratchadaphisek Road Ladyao, Jatujak, Bangkok 10900 Tel: 2544-1111 Fax: 2544-5000

SWIFT : SICOTHBK (
www.scb.co.th)

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์
Account № / IBAN: Standard Chartered Bank (Thailand)
Bank Address: (formerly Nakornthon) 90 North Sathorn Road Bangkok 10500 Tel: 2724-4000

SWIFT: SCBLTHBX (
www.standardchartered.co.th)

ธนาคารทหารไทย
Account № / IBAN: TMB Bank Public Company Limited
Bank Address: (formerly Thai Military Bank) 3000 Phaholyothin Rd Chatuchak, Bangkok 10900 Tel: (66 2) 299-1111 273-7020 Fax: (66 2) 273-7118

SWIFT : TMBKTHB (
www.tmbbank.com)

ธนาคารยูโอบี
Account № / IBAN: Union Overseas Bank (Thai) [UOB Thailand]
Bank Address: 191 South Sathorn Road Yannawa, Bangkok 10120 Tel: 234c 3000 Fax: 2287-2973-4

SWIFT : BKASTHBK (
www.uob.co.th)


CODE BANK


และถ้าเป็นรหัสสาขาก็จะเป็นเลข 3 ตัวเลขข้างหน้าบัญชีของเรา


001 ธนาคารแห่งประเทศไทย
Bank of Thailand (BOT)

002 ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน)
Bangkok Bank Public Company Limited (BBL)

004 ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน)
Kasikornbank Public Company Limited (KBANK)

005 ธนาคารเอบีเอ็น แอมโร เอ็น.วี.
ABN-AMRO Bank N.V. Bangkok Branch(AMRO)

006 ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)
Krung Thai Bank Public Company Limited (KTB)

008 ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส สาขากรุงเทพฯ
JP Morgan Chase Bank, N.A Bangkok Branch (JPMC)

010 ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ จก. กรุงเทพฯ
The Bank of Tokyo-Mitsubishi Ltd. Bangkok Branch (BTMU)

011 ธนาคารทหารไทย จํากัด (มหาชน)
TMB Bank Public Company Limited (TMB)

014 ธนาคารไทยพาณิชย์จํากัด (มหาชน)
Siam Commercial Bank Public Company Limited (SCB)

015 ธนาคารนครหลวงไทย จํากัด (มหาชน)
Siam City Bank Public Company Limited (SCIB)

017 ธนาคารซิตี้แบงค์
Citibank N.A. (CITI)

018 ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอรปอเรชั่น
Sumitomo Mitsui Banking Corporation (SMBC)
13 020 ธนาคารสแตนดาร์ด ชารเตอรด (ไทย) จํากัด
Standard Chartered Bank (Thai) Public Company Limited (SCBT)

022 ธนาคารไทยธนาคาร จํากัด (มหาชน)
BANKTHAI Public Company Limited (UOBT)
15 024 ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส (ไทย) จํากัด (มหาชน) United Overseas Bank (Thai) PCL (UOBT)

025 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)
Bank of Ayudhya Public Company Limited (BAY)
17 026 ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จํากัด (มหาชน)
Mega International Commercial Bank PCL (MEGA ICBC)

027 ธนาคารแห่งอเมริกา เนชั่นแนล แอสโซซิเอชั่น
Bank of America National Association (BA)
19 028 ธนาคารคาลิยง
Calyon (CALYON)

030 ธนาคารออมสิน
Government Saving Bank (GOV)
21 031 ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้จํากัด
Hong Kong & Shanghai Corporation Limited (HSBC)
22 032 ธนาคารดอยซ์แบงก์
Deutsche Bank Aktiengesellschaft (DEUTSCHE)

033 ธนาคารอาคารสงเคราะห์
Government Housing Bank (GHB)
24 034 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
Bank for Agriculture and Agricultural Cooperatives (AGRI)

039 ธนาคารมิซูโฮ คอร์เปอเรท สาขากรุงเทพฯ
Mizuho Corporate Bank Limited (MHCB)
26 065 ธนาคารธนชาต จํากัด (มหาชน)
Thanachart Bank Public Company Limited (TBANK)

066 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
Islamic Bank of Thailand (ISBT)
28 067 ธนาคารทิสโก้ จํากัด (มหาชน)
Tisco Bank Public Company Limited (TISCO)

068 ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จํากัด (มหาชน)
AIG Retail Bank Public Company Limited (AIG)

069 ธนาคารเกียรตินาคิน จํากัด (มหาชน)
Kiatnakin Bank Public Company Limited (KK)

070 ธนาคารสินเอเชีย จํากัด (มหาชน)
ACL Bank Public Company Limited (ACL)
 
 
 
โอนเงินระหว่างประเทศ
  1. SWIFT code ของธนาคารกรุงเทพคืออะไรและควรใช้เมื่อไร
  2. การโอนเงินจากต่างประเทศมาที่สาขาธนาคารกรุงเทพในประเทศไทย ต้องแจ้งข้อมูลอะไรให้ธนาคารที่ทำธุรกรรมโอนเงินออก
  3. วิธีใดที่เร็วที่สุดสำหรับการโอนเงินจากต่างประเทศ
  4. หากต้องการสอบถามว่า เงินที่โอนมาจากต่างประเทศ เข้าบัญชีแล้วหรือยัง
  5. หมายเลข IBAN คืออะไร
  6. สามารถโอนเงินระหว่างประเทศทางอินเทอร์เน็ตได้หรือไม่
  7. มีค่าธรรมเนียมการโอนเงินจากต่างประเทศมาที่ประเทศไทย เป็นจำนวนเท่าใด
  8. การโอนเงินไปต่างประเทศ หรือ โอนจากต่างประเทศมาที่เมืองไทย จำเป็นต้องมีบัญชีของธนาคารกรุงเทพหรือไม่


1. SWIFT code ของธนาคารกรุงเทพคืออะไรและควรใช้เมื่อไร

SWIFT code คือ BKKBTHBK นี่เป็นรหัสเดียวที่ใช้อ้างอิงสำหรับธนาคารกรุงเทพทุกสาขาในประเทศไทย ท่านสามารถแจ้งรหัสนี้กับทางธนาคารที่ท่านสั่งโอนเงิน เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการค้นหา

2. การโอนเงินจากต่างประเทศมาที่ สาขาธนาคารกรุงเทพ ในประเทศไทย ต้องแจ้งข้อมูลอะไรให้ธนาคารที่ทำธุรกรรมโอนเงินออก
ข้อมูลที่ท่านควรแจ้งแก่ธนาคารในต่างประเทศ เพื่อจะได้รับเงินโอนได้สะดวกและรวดเร็ว ได้แก่
- ชื่อบัญชี เลขที่บัญชีของผู้รับเงินที่เปิดกับธนาคารกรุงเทพ
- สกุลเงินและจำนวนเงินโอน
- SWIFT Code ของธนาคารกรุงเทพ: BKKBTHBK

3. วิธีใดที่เร็วที่สุดสำหรับการโอนเงินจากต่างประเทศ
การสั่งโอนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ SWIFT เป็นวิธีที่เร็วที่สุด ในการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพของท่านโดยตรง

4. หากต้องการสอบถามว่า เงินที่โอนเข้ามา เข้าบัญชีแล้วหรือยัง
ท่านสามารถสอบถามได้จากตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าของธนาคารได้ ผ่านบริการบัวหลวงโฟน โทรศัพท์หมายเลข 1333 หรือ (66) 0-2645-5555

5. หมายเลข IBAN คืออะไร
IBAN ย่อมาจากคำว่า International Bank Account Number คือ เลขที่บัญชีของผู้รับเงินตามมาตรฐานการกำหนดเลขที่บัญชีระหว่างประเทศในภูมิภาคยุโรป ซึ่งธนาคารต่างๆในประเทศยุโรปใช้หมายเลขนี้สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ แต่ธนาคารกรุงเทพไม่ใช้หมายเลขนี้ในการรับโอนเงินจากต่างประเทศหรือโอนเงินไปต่างประเทศ

6. สามารถโอนเงินระหว่างประเทศทางอินเทอร์เน็ตได้หรือไม่
ได้ ท่านสามารถโอนเงินจากบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ หรือบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของท่านเอง ไปยังบัญชีของผู้รับในต่างประเทศได้ ด้วยบริการ บัวหลวงไอแบงก์กิ้ง คลิก 
ที่นี่ เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

7. ธนาคารคิดค่าธรรมเนียมการโอนเงินจากต่างประเทศมาที่ประเทศไทยเท่าใด
ธนาคารคิดค่าธรรมเนียมในการรับเงินโอนจากต่างประเทศอัตรา 0.25 % ของจำนวนเงินที่โอน ต่ำสุด 200 บาท สูงสุด 500 บาท

8. การโอนเงินไปต่างประเทศ หรือ โอนจากต่างประเทศมาที่เมืองไทย จำเป็นต้องมีบัญชีของธนาคารกรุงเทพหรือไม่
ท่านไม่จำเป็นต้องมีบัญชีของธนาคารกรุงเทพในการโอนเงินเข้าหรือออก แต่ตรวจดูให้แน่ใจว่า ท่านระบุชื่อ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกต้องลงไปในคำสั่งจ่ายเงิน เมื่อโอนเงินไปต่างประเทศ และหากท่านรับเงินที่โอนมาจากต่างประเทศที่สาขา ท่านจะต้องนำบัตรประชาชนมาแสดงด้วย

 

 

 



การทำ SEO คืออะไร

    การทำ SEO คืออะไร การทำ SEO คืออะไร เรียนรู้เทคนิคง่ายๆ ทำด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียตังค์ "SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้...